- เทรนด์ และไอเดียธุรกิจ
- อัปเดตเทรนด์ธุรกิจ
เจาะลึกธุรกิจ Co-working Space พื้นที่ทำงานแบบ Hybrid ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่
เรากำลังอยู่ในยุคที่การทำงานไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในออฟฟิศอีกต่อไป ทำให้ธุรกิจ Co-working Space กลายเป็นทางเลือกของคนรุ่นใหม่ ทั้งคนทำฟรีแลนซ์ ธุรกิจขนาดเล็ก หรือแม้แต่การนัดประชุมที่ต้องการพื้นที่ทำงานยืดหยุ่น บรรยากาศดี และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
ปัจจุบันแม้จะมีผู้ให้บริการพื้นที่ Co-working Space มากมาย แต่สิ่งที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกใช้บริการนั้น ไม่ใช่แค่พื้นที่ดีไซน์สวย หรือ ทำเลดีที่เดินทางสะดวกสบายเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงประสบการณ์ของลูกค้า (User Experience) ที่จะได้สัมผัสตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าไปใช้บริการ ซึ่งหนึ่งในปัจจัยสำคัญคือ การมีมุมเซอร์วิสอย่างมุมเครื่องดื่ม ที่จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ ยกระดับธุรกิจ Co-working Space ให้ดูมีความเป็นมืออาชีพ มีมาตรฐาน และเป็นจุดสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ใช้บริการ
Co-working Space คืออะไร?
Co-working Space (โคเวิร์คกิ้งสเปซ) คือ พื้นที่ทำงานร่วมกันที่ออกแบบมาเพื่อให้คนทำงานอิสระ (Freelancer), สตาร์ทอัพ, ธุรกิจขนาดเล็ก (SMEs) หรือพนักงานที่ทำงานแบบ Hybrid สามารถเข้ามาใช้พื้นที่ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างอิสระและยืดหยุ่น
โดยจุดเด่นของ Co-working Space คือ การสร้างบรรยากาศการทำงานที่เอื้อต่อความคิดสร้างสรรค์และการเชื่อมต่อผู้คน (Networking) ซึ่งแตกต่างจากออฟฟิศทั่วไป เพราะผู้ใช้บริการสามารถเลือกใช้งานได้ตามเวลาที่ต้องการ เช่น รายชั่วโมง รายวัน หรือรายเดือน
ในปัจจุบัน Co-working Space ไม่ได้เป็นเพียงที่นั่งทำงาน แต่กลายเป็น คอมมูนิตี้แห่งการสร้างโอกาส ที่ผู้คนสามารถพบปะ แลกเปลี่ยนไอเดีย หรือสร้างพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ ๆ
โอกาสของธุรกิจ Co-working Space ในปัจจุบัน
ธุรกิจ Co-working Space ในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากพฤติกรรมการทำงานที่เปลี่ยนไปของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ จำนวนฟรีแลนซ์ในไทยที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงแนวโน้มการทำงานแบบ Hybrid ที่ผสมผสานระหว่างออฟฟิศ และการทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Work From Anywhere)
นอกจากรายได้จากการให้เช่าพื้นที่ทำงานแล้ว ธุรกิจ Co-working Space ยังสามารถสร้างรายได้เสริมจากบริการอื่น ๆ ได้อีกมากมาย เช่น
• การจำหน่าย เครื่องดื่มและขนม ที่ช่วยสร้างรายได้ประจำและเพิ่มความพึงพอใจให้ลูกค้า
• การเปิดให้เช่าห้องประชุมหรือพื้นที่จัดกิจกรรม เพื่อรองรับองค์กรหรือกลุ่มสตาร์ทอัพ
• การมีมุมกาแฟสด หรือเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ สำหรับบริการลูกค้าแบบ Self-Service
• การสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ครบวงจร เช่น อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง พื้นที่พักผ่อน และการตกแต่งที่สร้างแรงบันดาลใจ
แนวโน้มเหล่านี้ทำให้ Co-working Space ไม่ได้เป็นเพียงธุรกิจให้เช่าพื้นที่ แต่เป็นธุรกิจบริการแบบครบวงจร (Service Business) ที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตคนทำงานยุคใหม่ได้อย่างลงตัว
ทำอย่างไรให้ธุรกิจ Co-working Space ประสบความสำเร็จ
การสร้างธุรกิจ Co-working Space ให้ประสบความสำเร็จ นอกจากเรื่องของทำเลที่ตั้งแล้ว สิ่งสำคัญคือ การคำนึงถึงประสบการณ์ผู้ใช้บริการอย่างลึกซึ้ง โดยมีข้อควรพิจารณาต่าง ๆ ดังนี้
1. เพิ่มบริการเสริมให้ครบครัน
บริการเสริมคือหัวใจของความสำเร็จในธุรกิจ Co-working Space เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ได้มองหาที่นั่งทำงานเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการประสบการณ์น่าปรัทับใจจากพื้นที่ทำงานที่ดีด้วย เช่น
- Wifi ความเร็วสูง
- เครื่องปริ้นต์/เครื่องถ่ายเอกสาร
- ห้องประชุมส่วนตัว
- พื้นที่พักผ่อน
2. สร้างมุมกาแฟพร้อมบริการ Coffee Solutions
หนึ่งในปัจจัยสำคัญของการสร้างมุมกาแฟที่ดูโปร และตอบโจทย์คนทำงานคือ การเลือกใช้เครื่องชงกาแฟสดอัตโนมัติที่ทั้งใช้งานง่าย รสชาติมาตรฐาน และรองรับการใช้งานต่อเนื่องตลอดวัน เช่น
เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ ตราเนสกาแฟ โซลูชั่นที่ออกแบบมาสำหรับธุรกิจโดยเฉพาะ ให้รสชาติและกลิ่นหอมของกาแฟสดเหมือนชงโดยบาริสต้ามืออาชีพ เหมาะสำหรับใช้ในธุรกิจ Co-working Space, โรงแรม, โชว์รูมรถ หรือออฟฟิศขนาดใหญ่
ด้วยเทคโนโลยีการชงที่แม่นยำและระบบดูแลอัตโนมัติ จึงทำให้เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถให้บริการกาแฟสดคุณภาพสูงได้อย่างคงที่ พร้อมเสริมภาพลักษณ์ของสถานที่ให้ดูมืออาชีพ และพรีเมียม
เครื่องชงกาแฟสดอัตโนมัติ ผู้ช่วยเสิร์ฟความหลากหลาย
หากย้อนกลับไปเมื่อก่อน การเสิร์ฟกาแฟอาจจำเป็นต้องมีบาริสต้าฝีมือดี คอยควบคุมรสชาติ ความร้อน และการสกัดด้วยมือให้ตรงตามสูตรแต่ละเมนู แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามาช่วยยกระดับการบริการส่วนนี้ให้ง่ายขึ้น และได้รสชาติมาตรฐานแม้ไม่มีบาริสต้า โดยเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติสามารถชงเครื่องดื่มได้หลากหลายเมนู เช่น เอสเพรสโซ่ ลาเต้ คาปูชิโน่ ช็อกโกแลต ชาไทย ฯลฯ เพียงแค่เลือกเมนูที่ต้องการ ก็ประหยัดได้ทั้งแรงงาน และเวลา อีกทั้งยังได้เครื่องดื่มที่คุณภาพพรีเมียม รสชาติมาตรฐานคงที่อีกด้วย
ขอแนะนำเครื่องชงกาแฟสดอัตโนมัติรุ่นใหม่ล่าสุด!
เครื่องชงกาแฟสดอัตโนมัติ ตราเนสกาแฟ รุ่น iPilot ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์คนรักกาแฟ ด้วยฟังก์ชัน Hot Over Ice ที่ช่วยให้เมนูกาแฟได้รสชาติเข้มข้น หอมกลิ่นกาแฟ ไม่เจือจางแม้ใส่น้ำแข็ง มาพร้อมหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 10 นิ้ว ดีไซน์ทันสมัย ใช้งานง่าย สร้างสรรค์เมนูเครื่องดื่มที่หลากหลายสูงสุดถึง 11 เมนู เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับการให้บริการใน Co-working Space
สนใจเครื่องชงกาแฟสดอัตโนมัติรุ่นใหม่ล่าสุด
ติดต่อเรา
เปรียบเทียบเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ
จาก เนสท์เล่ โปรเฟสชันนัล
รุ่น |
|
|
| |
ขนาดเครื่อง | 30 × 56.5 × 73 | 31.8 × 54.4 × 56.7 | 42.2 × 56.8 × 66.8 | |
จุดเด่น | • โถใส่เมล็ดกาแฟขนาด 1.2 กิโลกรัม • ทำเมนูได้สูงสุด 11 เมนู • ฟังก์ชัน Hot Over Ice ทำเมนูกาแฟเย็นได้หอม รสชาติเข้มข้น ไม่เจือจางแม้เติมน้ำแข็ง • เหมาะกับจุดให้บริการอย่าง Co-working Space, ออฟฟิศ • ดีไซน์สวยงาม ทันสมัย ส่งเสริมภาพลักษณ์ให้ดูมืออาชีพ | • รองรับเมนูกาแฟมากถึง 12 เมนู • โถใส่ผงผลิตภัณฑ์ 4 โถ ได้แก่ ครีมเมอร์ ช็อคโกแลต เนสทีชาไทย และไมโล • เหมาะสำหรับการใช้งานในร้านค้า, บุฟเฟ่ต์ในโรงแรม, ล็อบบี้ต้อนรับลูกค้า | • ทำเมนูเครื่องดื่มได้สูงสุด 11 เมนู • โถใส่ผงผลิตภัณฑ์ 4 โถ • ต่อกับตู้แช่นมสด (Milk Module) ได้ • งานหนัก คุณภาพคาเฟ่ เหมาะโรงแรมหรือออฟฟิศที่ต้องการความพรีเมียม และหลากหลาย |
ข้อดีของเครื่องชงกาแฟสดอัตโนมัติใน Co-working Space
✔️ ประหยัดต้นทุนแรงงาน เพราะไม่ต้องมีบาริสต้าประจำ
✔️ ควบคุมคุณภาพได้ทุกแก้ว เพราะระบบจะตั้งค่าปริมาณส่วนผสม และอุณหภูมิแม่นยำ ทำให้ได้รสชาติคงที่
✔️ รองรับลูกค้าได้รวดเร็ว เพราะเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติสามารถทำเครื่องดื่มได้ในไม่กี่วินาที
✔️ เพิ่มมูลค่าให้บริการ และทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าพื้นที่ Co-working Space นี้มีมาตรฐานด้านการบริการ และให้ความรู้สึกพรีเมียม
ในมุมมองของผู้ประกอบการ มุมกาแฟแบบ Self-Service นี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ เพราะสามารถให้บริการได้ตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องใช้เจ้าหน้าที่ประจำ อีกทั้งยังเป็น Touchpoint ที่สร้างความประทับใจ ให้ลูกค้ารับรู้ถึงความใส่ใจในรายละเอียด และความทันสมัยของสถานที่ได้ในทันที ถือเป็นการยกระดับภาพลักษณ์แบรนด์อย่างแนบเนียน และมีต้นทุนที่คุ้มค่า
ในมุมของลูกค้า การได้กาแฟสดรสชาติดีจากเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติคือความสุขเล็ก ๆ ที่สร้างภาพจำในใจได้อย่างทรงพลัง เรียกได้ว่ามุมกาแฟดีพร้อมเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติดี ๆ สักเครื่อง สามารถสร้างบรรยากาศภายในโคเวิร์คกิ้งสเปซให้ครบเครื่องได้ทั้งรสชาติ และประสบการณ์
ไอเดียการจัด Coffee Corner ใน Co-working Space
การสร้างมุมกาแฟใน Co-working Space ไม่ใช่แค่เรื่องของการวางเครื่องชงกาแฟเท่านั้น แต่คือ การออกแบบประสบการณ์ที่ช่วยให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลาย และมีแรงบันดาลใจระหว่างวัน ดังนั้นการจัด Coffee Corner ที่ดีควรผสมผสานระหว่างความสะดวกสบายเข้ากับความง่ายของการใช้เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติอย่างลงตัว
🩶 จัดพื้นที่เป็น Relax Zone
ใช้สีโทนอบอุ่น หรือวัสดุธรรมชาติ เพื่อสร้างบรรยากาศที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เหมาะสำหรับพักเบรกหรือพูดคุยแลกเปลี่ยนไอเดียท่ามกลางบรรยากาศการพักผ่อน
🩶 มีถ้วยหรือแก้วที่มีแบรนด์ของ Co-working Space
รายละเอียดเล็ก ๆ อย่างลวดลาย หรือโลโก้บนแก้วกาแฟช่วยสร้างเอกลักษณ์ให้จดจำได้ และยังเป็นการสื่อสารแบรนด์แบบแนบเนียนในทุกครั้งที่มีการใช้งาน
🩶 ใช้แสงธรรมชาติหรือไฟโทนอุ่น
แสงเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างอารมณ์ และบรรยากาศของพื้นที่ การใช้ไฟโทนอุ่นหรือเปิดรับแสงธรรมชาติจะช่วยให้ภาพรวมดูนุ่มนวล อบอุ่น และเหมาะกับการพักสายตา
เมื่อองค์ประกอบเหล่านี้มารวมกัน มุมกาแฟก็จะไม่ใช่แค่ที่ชงกาแฟอีกต่อไป แต่กลายเป็นจุดพักใจที่เติมพลังให้กับทุกคน และเป็นจุดเล็ก ๆ ที่สร้างความแตกต่างให้โคเวิร์คกิ้งสเปซของคุณดูโดดเด่น และน่าจดจำกว่าที่อื่น
เรียกได้ว่าในยุคที่ประสบการณ์คือทุกสิ่ง การสร้างความประทับใจแรกให้ลูกค้าคือ สิ่งที่ทุก Co-working Space ควรให้ความสำคัญ และบางครั้ง สิ่งนั้นก็เริ่มต้นจากกลิ่นกาแฟหอม ๆ ที่ทำให้บรรยากาศดูอบอุ่น และเป็นมืออาชีพมากขึ้น การมีเครื่องชงกาแฟสดอัตโนมัติไม่เพียงช่วยอำนวยความสะดวก แต่ยังสะท้อนภาพลักษณ์ของสถานที่ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด สร้างความรู้สึกดีตั้งแต่แก้วแรก และต่อยอดเป็นความประทับใจที่ยาวนาน
มายกระดับ Co-working Space ของคุณให้ดูโปรและน่าจดจำ ด้วยเครื่องชงกาแฟสดอัตโนมัติจากเนสท์เล่ โปรเฟสชันนัล เราพร้อมให้คำปรึกษา และแนะนำโซลูชันที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ