
- เทรนด์ และไอเดียธุรกิจ
- ประเภทธุรกิจ
ไอเดียลดต้นทุนร้านอาหาร เพิ่มกำไรแบบมืออาชีพ
“ธุรกิจร้านอาหาร” กับความท้าทายวัดใจผู้ประกอบการยุคนี้
ผู้ประกอบการร้านอาหารในประเทศไทยได้ต่อสู้วิกฤตมาอย่างยาวนานและยากลำบาก ซึ่งในปี 2565 นี้ ผู้ประกอบการร้านอาหารทั้งขนาดเล็ก-กลาง และขนาดใหญ่ ก็ยังคงต้องเผชิญกับโจทย์ทางธุรกิจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นราคาวัตถุดิบที่มีแนวโน้มจะสูงขึ้น ค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค ค่าใช้จ่ายด้านความสะอาดและการตรวจคัดกรองเพื่อความปลอดภัย ล้วนทำให้การดำเนินกิจการมีต้นทุนที่สูงขึ้นตาม
ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงควรหาวิธีจัดตารางการทำงานของพนักงาน ปรับปรุงการให้บริการลูกค้า และพยายามลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต สิ่งเหล่านี้กลายเป็นเรื่องที่ร้านอาหารก้าวข้ามไม่ได้ง่าย ๆ เนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล ในฐานะมืออาชีพที่เข้าใจธุรกิจคุณ เล็งเห็นปัญหาดังกล่าว และเข้าใจว่าการเปิดร้านอาหารนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย จึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร ในการวางแผน ปรับตัว พร้อมแนะนำวิธีการลดต้นทุนที่ทำได้ไม่ยาก โดยที่ยังสามารถคงคุณภาพของอาหาร สินค้า และการบริการเอาไว้ได้เป็นอย่างดี
ต้นทุนร้านอาหารและคาเฟ่ที่เจ้าของธุรกิจต้องเจอ
1. ต้นทุนการตั้งร้าน (Startup Costs)
สิ่งแรกที่ต้องมองหาสำหรับการเปิดร้านอาหารคือเรื่องของต้นทุนค่าเช่าที่ ถึงแม้ว่าต้นทุนส่วนนี้ดูแล้วอาจเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ แต่ก็เป็นส่วนสำคัญในการเริ่มต้นประกอบธุรกิจร้านอาหารและคาเฟ่ รวมถึงการทำธุรกิจในระยะยาวอีกด้วย โดยต้นทุนการตั้งร้านรวมไปถึง…
ค่าเช่าสถานที่: ผู้ประกอบการที่ต้องการหาที่เช่า ค่าเช่าก็จะขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งและขนาดของพื้นที่ โดยการเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมแน่นอนว่าจะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สามารถช่วยดึงดูดลูกค้าให้เข้าร้าน และเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จทางธุรกิจ
ค่าตกแต่งร้าน: นอกเหนือจากค่าเช่าแล้ว ยังต้องคำนึงถึงเรื่องของการออกแบบและตกแต่งร้านด้วย เพราะปัจจัยข้อนี้มีผลต่อการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า เช่น การจัดเฟอร์นิเจอร์ แสงไฟ และการตกแต่งภายในที่สร้างความดึงดูด เป็นต้น
ค่าสิทธิ์หรือค่าลิขสิทธิ์: สำหรับผู้ที่ต้องการเปิดร้านแฟรนไชส์ จำเป็นที่จะต้องกันเงินไว้เพื่อจ่ายค่าสิทธิ์หรือค่าลิขสิทธิ์ในการใช้ชื่อแบรนด์และระบบที่แฟรนไชส์นั้น ๆ กำหนดไว้ ค่าเครื่องมือและอุปกรณ์: ต้นทุนก้อนนี้เป็นการลงทุนใหญ่หนึ่งครั้ง แต่สามารถใช้ไปได้ในระยะยาว เช่น อุปกรณ์เครื่องครัว ชุดโต๊ะเก้าอี้ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จำเป็นในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนที่ต้องวางแผนให้รอบคอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลือกวัสดุเพื่อให้มีอายุการใช้งานยาวนานและทนทาน ไม่ต้องเสียค่าบำรุงซ่อมแซมในภายหลัง
2. ต้นทุนวัตถุดิบ (Food Cost)
ต้นทุนวัตถุดิบจัดเป็นหนึ่งในต้นทุนร้านอาหารและเครื่องดื่ม ที่มีผลต่อการสร้างกำไรให้ธุรกิจโดยตรง วัตถุดิบหลัก ได้แก่ เนื้อสัตว์ ผัก ซอสปรุงรส และส่วนผสมอื่น ๆ การเลือกวัตถุดิบคุณภาพดีในราคาเหมาะสม จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถควบคุมต้นทุน เพิ่มความพึงพอใจให้แก่ลูกลูกค้า แบรนด์เป็นที่น่าจดจำ และเกิดการกลับมาใช้บริการซ้ำได้ การจัดซื้อและจัดเก็บ: การสั่งซื้อวัตถุดิบต้องพิจารณาเรื่องความสดใหม่ และซื้อในปริมาณที่เหมาะสม อีกทั้งยังต้องคำนึงถึงการจัดเก็บที่ถูกสุขอนามัย เพื่อป้องกันการเน่าเสีย ลดการสูญเสียวัตถุดิบและต้นทุน
3. ต้นทุนแรงงาน (Labor Cost)
ต้นทุนในส่วนของแรงงานคือ ต้นทุนที่มีผลต่อประสิทธิภาพการดำเนินงานของร้าน เพราะจะเป็นผู้ที่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าโดยตรง โดยหลัก ๆ แบ่งต้นทุนส่วนนี้เป็น 3 ข้อย่อย ได้แก่ การจ่ายค่าแรงพนักงาน: ผู้ประกอบการจะต้องจ่ายค่าแรงที่เหมาะสมตามบทบาทหน้าที่ เช่น เชฟ บริกร พนักงานแคชเชียร์ ผู้ส่งอาหาร ฯลฯ การมอบสวัสดิการพนักงาน: เช่น ผู้ประกอบการจำเป็นต้องจัดตั้งสวัสดิการเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของพนักงานภายในร้านด้วย เช่น การทำประกันสุขภาพ วันหยุด การมอบโบนัส เป็นต้น เพื่อเป็นกำลังใจให้พนักงานทำงานอย่างเต็มที่และมีความสุข การฝึกอบรมพนักงาน: เจ้าของธุรกิจสามารถจัดการฝึกอบรมหลักสูตรต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์แก่พนักงาน เพื่อให้พนักงานมีทักษะที่เหมาะสมและบริการลูกค้าอย่างมืออาชีพ อีกทั้งเจ้าของธุรกิจเองยังสามารถนำค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไปวางแผนภาษี เพื่อทำการลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย
4. ต้นทุนการดำเนินงาน (Operating Costs)
ผู้ที่อยากทำธุรกิจต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เสมอ โดยเรียกได้ว่าเป็นเงินสำหรับทำธุรกิจที่เป็นค่าจ่ายเป็นประจำทุกเดือนได้แก่… ค่าน้ำค่าไฟ: เป็นค่าใช้จ่ายพื้นฐานที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะต้องใช้ในการดำเนินงานในแต่ละวัน เช่น การใช้ไฟในครัวและระบบทำความเย็น เป็นต้น ค่าสื่อโฆษณาและการตลาด: ค่าใช้จ่ายส่วนนี้เป็นส่วนที่สามารถควบคุมได้ขึ้นอยู่กับความต้องการในการโปรโมตสินค้าหรือบริการในช่วงระยะเวลานั้น ๆ โดยการทำโฆษณาออนไลน์หรือโปรโมชันเพื่อดึงดูดลูกค้าและเพิ่มยอดขาย เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จ ค่าธรรมเนียมบริการต่าง ๆ: เช่น ค่าธรรมเนียมการใช้ซอฟต์แวร์บริหารร้าน หรือค่าธรรมเนียมเมื่อขายอาหารบนแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่
5. ต้นทุนการขนส่ง (Delivery Costs)
ในยุคของบริการเดลิเวอรี่ ต้นทุนในการขนส่งเรียกว่าเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นร้านค้าจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ด้วย ค่าจัดส่ง: ค่าบริการจัดส่งอาหาร ซึ่งอาจต้องมีการเจรจาอัตราค่าบริการกับแพลตฟอร์มต่าง ๆ หรือกำหนดราคาหากต้องการจ้างผู้ส่งเอง บรรจุภัณฑ์: บรรจุภัณฑ์ที่ดีช่วยคงความสดใหม่และป้องกันความเสียหายของอาหาร รวมถึงต้องใส่ใจเรื่องของบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
6. ต้นทุนการดูแลรักษาและซ่อมแซม (Maintenance and Repair Costs)
การดูแลรักษาอุปกรณ์ในร้านอาหารและคาเฟ่ รวมไปถึงองค์ประกอบต่าง ๆ ภายในร้านเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย การบำรุงรักษาอุปกรณ์: เช่น การซ่อมแซมเครื่องครัว, การซ่อมเครื่องทำความเย็นที่ชำรุด เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน รวมถึงไปการบำรุงรักษาเครื่องชงกาแฟเบื้องต้นด้วยตัวเองเพื่อเป็นไอเดียลดต้นทุนและประหยัดค่าช่างซ่อมบำรุง การบำรุงรักษาพื้นที่ภายในร้าน: แม้ว่าเจ้าของธุรกิจอยากสร้างร้านอาหารแบบประหยัด แต่ก็ควรตรวจเช็กสภาพ และหมั่นดูแลการทำความสะอาดและซ่อมแซมพื้นที่ภายในร้านให้ดูดี และปลอดภัยสำหรับลูกค้าอยู่เสมอ
การดำเนินกิจการร้านอาหารยุคนี้ต้องระมัดระวัง วางแผนรับมือทุกการเปลี่ยนแปลงที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ความท้าทายที่สำคัญคือ การลดต้นทุนอย่างไรให้คุณภาพของจานอาหารยังคงเดิม และมัดใจลูกค้าได้ นอกจากวิธีลดต้นทุนที่เรานำมาฝากกันนี้ การมีผู้ช่วยที่เชี่ยวชาญและพร้อมเคียงข้างคุณไม่ว่าจะสถานการณ์ไหนอย่าง เนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล ที่มีผลิตภัณฑ์มากมายตอบโจทย์ธุรกิจอาหาร ไม่ว่าจะเป็น ซอสปรุงรสแม็กกี้ วัตถุดิบแพลนต์เบสจากฮาร์เวสต์ กูร์เมต์ เครื่องดื่มสำเร็จรูปเนสกาแฟ ชาเนสที เครื่องดื่มเนสท์เล่ น้ำผลไม้ฟรุตไทม์ และวัตถุดิบทำขนมหวาน เบเกอรี คิทแคท สเปรด เป็นต้น พร้อมมีทีมงานมืออาชีพที่คอยคัดสรรวัตถุดิบส่งตรงถึงหน้าร้านคุณ เสมือนคู่คิดช่วยให้คุณพิชิตทุกความท้าทาย ติดต่อเราโทร. 02-657-8625 (กด 1) 1162 (กด 1) รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก