
- เทรนด์ และไอเดียธุรกิจ
- อัปเดตเทรนด์ธุรกิจ
เจาะเทรนผู้บริโภคปี 2025 เพื่อการทำธุรกิจร้านอาหารอย่างยั่งยืน
ปี 2025 นี้ถือว่าเป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทายใหม่ ๆ สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหาร หรือผู้ที่กำลังคิดจะเริ่มต้นธุรกิจอาหาร เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งการจะทำธุรกิจอาหารให้ประสบความสำเร็จนั้น ไม่ใช่แค่รสชาติอาหารที่ต้องโดนใจ แต่ยังต้องตอบโจทย์เทรนด์อย่างเรื่องสุขภาพ ความสะดวกรวดเร็ว และความยั่งยืนอีกด้วย
สำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคกับความท้าทายในการทำธุรกิจอาหาร
แน่นอนว่าเมื่อพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ธุรกิจร้านอาหาร คือผู้ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง ทำให้พ่อค้าแม่ค้าธุรกิจร้านอาหารต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับเทรนด์ ทั้งในเรื่องของการจัดหาแหล่งวัตถุดิบ การสร้างสรรค์เมนูใหม่ ๆ ตามกระแส การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ เทคนิคทำการตลาด รวมไปถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในการบริหารร้านให้ดำเนินไปอย่างราบรื่น ลองมาดูกันดีกว่าจะมีเทรนด์อะไรที่เหมาะกับการนำไปปรับใช้กับร้านคุณกันบ้าง
1. การจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน (Sustainable Sourcing)
เรากำลังอยู่ในยุคที่ผู้บริโภคไม่ได้มองหาเพียงแค่อาหารที่อร่อยและราคาเหมาะสม แต่ยังให้ความสำคัญกับที่มาของวัตถุดิบ และคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นธุรกิจร้านอาหารที่ให้ความสำคัญกับการจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน ก็ย่อมมีโอกาสสร้างความแตกต่างและความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้มากกว่า โดยการเลือกใช้วัตถุดิบจากแหล่งที่มีความรับผิดชอบ เช่น วัตถุดิบออร์แกนิกหรือการสนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่น ไม่เพียงช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยสร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนได้อีกด้วย
Case Study: เนสกาแฟขับเคลื่อนเศรษฐกิจเชิงฟื้นฟู
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน 4C
|
|
|
เนสกาแฟ เรดคัพ | เนสกาแฟ อโรมาติโก้ | เนสกาแฟ บาริสต้า |
นอกเหนือจากการเลือกวัตถุดิบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับการสื่อสารเรื่องราวเบื้องหลังเมนูของตัวเองให้ลูกค้ารับรู้ เช่น การแสดงข้อมูลเกี่ยวกับที่มาของวัตถุดิบผ่านเมนู ป้ายภายในร้าน หรือช่องทางออนไลน์ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าพวกเขากำลังสนับสนุนธุรกิจที่มีความรับผิดชอบ และมีส่วนร่วมในการทำสิ่งดี ๆ คืนสู่สังคม โดยเทรนด์ร้านอาหารนี้ไม่ได้เป็นเพียงกลยุทธ์ทางการตลาด แต่ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างแบรนด์และผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยเพิ่มความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว และยังเป็นจุดแข็งที่สามารถดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนอีกด้วย
2. เมนูใส่ใจสุขภาพ (Healthy Menus)
ปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น ธุรกิจร้านอาหารจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันเทรนด์นี้ ดังนั้นการเพิ่มเมนูเพื่อสุขภาพไม่ใช่แค่กลยุทธ์ที่ช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่ แต่ยังสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับแบรนด์ในระยะยาว เพราะผู้บริโภคในปัจจุบันไม่ได้มองหาแค่ "อาหารที่ดีต่อสุขภาพ" แต่ยังต้องการเมนูที่อร่อย น่ารับประทาน และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ด้วย
นอกจากนี้ เทรนด์ร้านอาหารอย่างพวกเมนูสุขภาพยังเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจเริ่มต้นธุรกิจอาหารสามารถสร้างสรรค์แนวทางใหม่ ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาอาหารแพลนต์เบส (Plant-Based), เมนูที่เน้นวัตถุดิบออร์แกนิก หรืออาหารที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มีข้อจำกัดด้านโภชนาการ เช่น เมนูไร้กลูเตน (Gluten-Free) หรือคีโต (Keto) ซึ่งเป็นตลาดเฉพาะกลุ่มที่กำลังมีแนวโน้มการเติบโตสูง
3. การเติบโตของ Cloud Kitchen และเดลิเวอรี่ (Cloud Kitchen & Delivery)
Cloud Kitchen หรือครัวกลางที่ไม่มีหน้าร้าน กำลังกลายเป็นโมเดลธุรกิจอาหารที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในอุตสาหกรรมอาหาร สาเหตุหลักมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับความสะดวก และความหลากหลายของตัวเลือกในการสั่งอาหารออนไลน์ การเติบโตของแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ เช่น Grab Food, LINE MAN และ Robinhood นี้จะทำให้ร้านอาหารสามารถเข้าถึงลูกค้าได้โดยไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้าน ช่วยลดต้นทุนในการเช่าพื้นที่และค่าดำเนินการอื่น ๆ
สำหรับผู้ประกอบการ นี่จึงถือเป็นโอกาสสำคัญในการปรับตัวเพื่อขยายตลาดโดยใช้โมเดล Cloud Kitchen ซึ่งจะช่วยให้สามารถทดลองเมนูใหม่ ๆ และขยายพื้นที่ให้บริการโดยไม่ต้องลงทุนสูง นอกจากนี้ การสร้างตัวตนบนแพลตฟอร์มออนไลน์ และการทำการตลาดดิจิทัลที่แข็งแกร่ง เช่น การใช้โซเชียลมีเดีย หรือการจัดโปรโมชั่นร่วมกับแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันมากยิ่งขึ้น
4. ทำการตลาดแบบเน้นคุณค่า (Value-Driven Marketing)
ทุกวันนี้ผู้บริโภคไม่ได้เลือกแบรนด์เพียงเพราะราคา แต่ยังมองหาคุณค่า (Value) ที่สอดคล้องกับความเชื่อและไลฟ์สไตล์ของตนเอง ดังนั้นการตลาดแบบเน้นคุณค่าจึงกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจร้านอาหารสามารถสร้างความแตกต่างและความภักดีของลูกค้าได้มากขึ้น การมอบคุณค่าให้กับลูกค้าไม่ได้หมายถึงเพียงแค่ราคาคุ้มค่า แต่ยังรวมถึงประสบการณ์ที่ดีต่อใจ เช่น การใช้วัตถุดิบที่ยั่งยืน การสนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่น การออกแบบเมนูที่เป็นมิตรกับสุขภาพ หรือแม้แต่การมีแนวคิดที่ช่วยเหลือสังคม เช่น การบริจาครายได้ส่วนหนึ่งให้กับองค์กรการกุศล เป็นต้น
5. บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน (Eco-Friendly Packaging)
ปัจจุบันความยั่งยืนกลายเป็นประเด็นสำคัญ ผู้บริโภคบางส่วนเริ่มให้ความสนใจกับบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco-Friendly Packaging) มากยิ่งขึ้น โดยพวกเขาไม่ได้มองแค่คุณภาพของอาหารเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยลดขยะ ลดการใช้พลาสติก และสามารถนำกลับมาใช้ใหม่หรือย่อยสลายได้ นี่จึงถือเป็นโอกาสสำคัญที่ธุรกิจร้านอาหาร และบริการเดลิเวอรี่ควรนำมาใช้เป็นจุดขาย ซึ่งการเปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น กล่องอาหารจากเยื่อไผ่ กระดาษคราฟท์ หรือพลาสติกชีวภาพ (Biodegradable Plastic) นอกจากจะช่วยลดผลกระทบต่อธรรมชาติแล้ว ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์อีกด้วย
หรือหากผู้ประกอบการคนไหนที่สั่งซื้อวัตถุดิบกับเนสท์เล่ โพรเฟซชันนัล ก็เรียกได้ว่ามีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อมเช่นกัน เนื่องจากบรรจุภัณฑ์ของเราทุกประเภทนั้นล้วนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยังคงประสิทธิภาพในการรักษาคุณภาพความสดใหม่ของเมล็ดกาแฟทุกถุง
สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการปรับตัว ควรเริ่มจากการลดใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง (Single-Use Plastic) และสื่อสารให้ลูกค้ารับรู้ถึงความตั้งใจของแบรนด์ในการเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาสิ่งแวดล้อม การทำแคมเปญที่กระตุ้นให้ลูกค้านำภาชนะมาเอง หรือการให้สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่เลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ ก็เป็นกลยุทธ์ที่สามารถสร้างความแตกต่าง และเพิ่มความภักดีต่อแบรนด์ได้เช่นกัน
สำหรับผู้ประกอบการคนไหนที่สนใจ อยากได้รับคำแนะนำในการทำธุรกิจในปีนี้ให้ประสบความสำเร็จ สามารถติดต่อเนสท์เล่ โพรเฟสชันนัลได้เลยวันนี้
โทร 02-657-8625 กด 1
แอด LINE ได้ที่ @NestleProfessional