เซอร์วิสชาร์จคืออะไร ลูกค้าต้องจ่ายเซอร์วิสชาร์จให้ร้านอาหารหรือไม่

เซอร์วิสชาร์จคืออะไร ลูกค้าต้องจ่ายเซอร์วิสชาร์จให้ร้านอาหารหรือไม่

ว่าด้วยเรื่อง “เซอร์วิสชาร์จ” (Service Charge) ประเด็นที่มีการถกเถียงกันอย่างมากมาย ในมุมของผู้ประกอบการร้านอาหารก็เกิดคำถามว่า ร้านอื่นๆ เก็บเซอร์วิสชาร์จ แล้วร้านของเราควรจะเก็บบ้างหรือไม่ และถ้าอยากเก็บเซอร์วิสชาร์จ ควรเก็บเท่าไหร่ ให้ลูกค้าเต็มใจจ่าย ในมุมของลูกค้าก็มักจะมีข้อสงสัยว่า ทำไมเราต้องจ่ายเซอร์วิสชาร์จ และหากเราไม่ประทับใจเรื่องรสชาติอาหารหรือบริการ เราสามารถปฏิเสธการจ่ายเซอร์วิสชาร์จได้หรือไม่ วันนี้ เนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล ในฐานะมืออาชีพที่เข้าใจธุรกิจร้านอาหารเป็นอย่างดี จะมาไขข้อข้องใจและรวบรวมข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับเรื่อง “เซอร์วิสชาร์จในร้านอาหาร” มาฝากกัน

เซอร์วิสชาร์จ (Service Charge) คืออะไร  

“เซอร์วิสชาร์จ” คือ ค่าบริการที่ผู้ประกอบการธุรกิจ เรียกเก็บจากผู้ใช้บริการเพิ่ม นอกเหนือจากค่าสินค้า ซึ่งผู้ใช้บริการต้องจ่ายทุกครั้งที่เข้ามาใช้บริการ โดยแต่ละร้านจะมีอัตราการเรียกเก็บเซอร์วิสชาร์จที่แตกต่างกันไป ดังนั้นเซอร์วิสชาร์จจึงไม่เหมือนกับทิป (สินน้ำใจ) ที่ผู้ใช้บริการให้ตามความพึงพอใจ และมอบให้เท่าไหร่ก็ได้  

ร้านอาหารควรเก็บเซอร์วิสชาร์จหรือไม่ 

ต้องบอกว่าการเรียกเก็บเซอร์วิสชาร์จขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้ประกอบการ ซึ่งร้านอาหารส่วนใหญ่ที่มีเซอร์วิสชาร์จก็เพื่อเป็นรายได้ที่นำมาแบ่งให้แก่พนักงานบริการในแต่ละเดือน อาจเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสวัสดิการให้กับพนักงานมีรายได้เพิ่มขึ้น  
ทำให้มีกำลังใจในการทำงานและตั้งใจบริการลูกค้าให้ดีที่สุด แต่อย่างไรก็ตามหากร้านอาหารของคุณมีการเก็บเซอร์วิสชาร์จเมื่อไหร่ ความคาดหวังของลูกค้าที่จะได้บริการที่ดีเยี่ยมจะเพิ่มตามมาทันที ดังนั้นผู้ประกอบการต้องหมั่นอบรมพนักงาน  
และรักษามาตรฐานการให้บริการ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกเต็มใจที่จะจ่ายเซอร์วิสชาร์จ 

เซอร์วิสชาร์จร้านอาหาร ควรคิดอย่างไร 

อัตราการเรียกเก็บเซอร์วิสชาร์จที่เหมาะสม ตามกฎหมายที่กรมการค้าภายในกำกับอยู่ คือ ต้องไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากเป็นอัตราราคาที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่รับทราบตามสากลและยอมรับได้ นอกจากนี้หากร้านใดที่เก็บเซอร์วิสชาร์จเกิน 10 เปอร์เซ็นต์ จะเข้าข่ายคิดค่าบริการสูงเกินจริง เอาเปรียบผู้บริโภค ซึ่งก็มีโทษปรับ 140,000 บาท จำคุก 7 ปี หรือทั้งจำและปรับ 

ลูกค้าไม่จ่ายเซอร์วิสชาร์จได้ไหม  

“ทำได้” เพราะกรมการค้าภายในได้ระบุไว้ว่า ผู้ประกอบการร้านค้าต้องแสดงราคาต่อหน่วย มีตัวเลขเป็นภาษาใดก็ได้ แต่ต้องมีเลข อารบิกกำกับอยู่ด้วย รวมถึงการจะเก็บเซอร์วิสชาร์จนั้น ทางร้านต้องมีป้ายข้อความ ‘ภาษาไทย’ แจ้งอัตราค่าเซอร์วิสชาร์จ ในลักษณะที่ชัดเจน เปิดเผย และอ่านได้โดยง่าย เพื่อให้ผู้บริโภคทราบก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการ หากไม่มีการแจ้งให้ทราบอย่างชัดเจนครบถ้วน ผู้บริโภคสามารถปฏิเสธการจ่ายเซอร์วิสชาร์จได้ และถือว่าผู้ประกอบการมีความผิด โดยมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท 

เซอร์วิสชาร์จร้านอาหาร ควรคิดอย่างไร

ร้านอาหารควรรู้ เก็บเซอร์วิสชาร์จอย่างไรให้ลูกค้าเต็มใจจ่าย  

  1. ควรแจ้งการเรียกเก็บเซอร์วิสชาร์จ ด้วยข้อความ ‘ภาษาไทย’ ไว้บริเวณหน้าร้าน ป้ายในร้าน ป้ายตั้งโต๊ะอาหาร หรือในเล่มเมนู เพื่อแสดงความโปร่งใส ให้ลูกค้าเห็นได้ชัดเจน เพื่อประกอบการตัดสินใจในการใช้บริการ

  2. เซอร์วิสชาร์จควรเรียกเก็บตามความเหมาะสม โดยต้องไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ 

  3. ฝึกอบรมพนักงานในร้านให้มีหัวใจของการให้บริการ (Service Mind) โดยคิดเสมอว่าลูกค้าคือคนสำคัญ พร้อมแสดงความจริงใจในการให้บริการซึ่งจะช่วยสร้างความประทับใจแรก (First Impression) ที่ดีแก่ลูกค้า เพื่อดึงดูดใจให้ลูกค้าอยากกลับมาใช้บริการอีก นอกจากนี้ด้านบุคลิกภาพยังควรแต่งกายให้สะอาด สุภาพ ถูกกาลเทศะ ยิ้มแย้มและกระตือรือร้นในการให้บริการอยู่ตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้จะทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความคุ้มค่ากับเซอร์วิสชาร์จที่จ่ายไป 

  4. ดูแลความสะอาดในร้านเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นบริเวณพื้น บนโต๊ะ เก้าอี้ รวมถึงภาชนะต่างๆ เช่น จาน ช้อม ส้อม และแก้วน้ำ เป็นต้น อีกทั้งภายในครัวยังต้องดูแลความสะอาดให้ดีเพื่อความสะอาดและความปลอดภัยของอาหาร (Food Safety) เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างความสบายใจและความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้ 

  5. ให้ความรู้เรื่องเมนูอาหารแก่พนักงานทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรสชาติ ส่วนผสมต่างๆ เพื่อให้พนักงานสามารถตอบคำถามลูกค้าได้อย่างมืออาชีพ ซึ่งจะช่วยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี

  6. รักษามาตรฐานของอาหารให้สด อร่อย และสะอาดอยู่เสมอ โดยเลือกใช้วัตถุดิบและเครื่องปรุงที่มีคุณภาพ และพยายามหา ‘จุดขายเฉพาะ’ หรือ Unique Selling Point (USP) เช่น เมนูประจำเทศกาล หรือ เมนูซิกเนเจอร์ ที่อร่อย เป็นเอกลักษณ์ ไม่ซ้ำกับร้านไหน ก็จะช่วยสร้างความตื่นเต้นให้แก่ลูกค้า และสร้างการจดจำได้ด้วย

สรุปได้ว่าการเก็บเซอร์วิสชาร์จนั้น ทางร้านอาหารสามารถที่จะเรียกเก็บหรือไม่เรียกเก็บก็ได้ แต่เมื่อร้านใดที่มีการคิดค่าบริการส่วนนี้ อย่าลืมให้ความสำคัญกับการบริการลูกค้าให้ประทับใจและจริงใจกับลูกค้า ให้ลูกค้าจ่ายเซอร์วิสชาร์จด้วยความเต็มใจ  

นอกจากนี้เรื่องอาหารที่เสิร์ฟในแต่ละจานก็ควรพิถีพิถันเรื่องการปรุง แนะนำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารเลือกใช้วัตถุดิบและเครื่องปรุงอาหารที่มีคุณภาพอย่างผลิตภัณฑ์จาก เนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล เพื่อเสริมให้อาหารมีรสชาติที่อร่อยถูกปาก ถูกใจ ถูกหลักอนามัย รับรองว่าลูกค้าจะประทับใจและรู้สึกคุ้มค่ากับเซอร์วิสชาร์จที่จ่ายไปอย่างแน่นอน  

อย่าพลาดติดตามและอัปเดตเทรนด์ธุรกิจอีกเพียบได้ที่นี่ หรือซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ได้ง่ายๆ คลิกที่นี่  ใน LINE @NestleProfessional และสามารถติดต่อทีมงานเนสท์เล่ โพรเฟชชันนัลทั่วประเทศ โทร.02-657-8625 กด 1  

 

อ่านบทความเทรนด์และไอเดียธุรกิจเพิ่มเติม

เทคนิควางแผนภาษี

เรื่องภาษีต้องวางแผน รวมสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องรู้ ฉบับอัปเดต 2024

ผู้ที่อยากทำธุรกิจร้านอาหารหรือคาเฟ่ให้คุมต้นทุนอยู่ สร้างกำไรได้อย่างมืออาชีพ จำเป็นต้องมีการวางแผนรายรับรายจ่าย สำหรับใช้ในการคำนวณภาษีและเพื่อการวางแผนภาษีอย่างรอบคอบในแต่ละปี โดยการจะเปิดร้านขายอาหารนั้น จำเป็นต้องขอใบอนุญาตตามกฎหมายก่อน ซึ่งปัจจัยในการคำนึงคือขนาดของร้านและกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นภายในร้าน เป็นต้น

ในบทความนี้จะพามาดูว่า ถ้าผู้ประกอบการมือใหม่ อยากจะเตรียมตัววางแผนเปิดร้าน จะต้องมีวิธีการทำรายรับรายจ่าย และการคำนวณเพื่อเสียภาษีอย่างไร มาดูกันเลย

Business

การจดทะเบียนการค้าร้านค้า มีขั้นตอนยังไง ต้องเตรียมอะไรบ้าง

วิธีจดทะเบียนการค้าหรือการจดทะเบียนการค้าสำหรับธุรกิจร้านอาหารและคาเฟ่ เป็นขั้นตอนสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการก่อนเริ่มดำเนินกิจการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยทั่วไปมี 2 รูปแบบคือ การจดทะเบียนพาณิชย์บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล

บทความนี้จะมาแนะนำขั้นตอนการเตรียมตัว และการเลือกประเภทการจดทะเบียนการค้าที่เหมาะสมกับธุรกิจร้านอาหารหรือคาเฟ่ เพื่อให้ผู้ประกอบการทุกคนมีความรู้ ที่สามารถนำไปใช้ได้จริง พร้อมเปิดร้านได้อย่างมั่นใจและถูกต้องตามกฎหมาย จะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย